Radiesse นวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ลดริ้วรอย ฟื้นฟูผิวหน้าในหนึ่งเดียว
- Tosaporn Hutaseranee
- 16 ธ.ค. 2567
- ยาว 3 นาที
อัปเดตเมื่อ 20 ธ.ค. 2567
Radiesse
Radiesse มีความโดดเด่นในฐานะ Regenerative Biostimulator ที่เน้นการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวมถึงชั้นผิวลึก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ที่สำคัญ 5 ประการ ได้แก่:
Radiesse เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูสุขภาพและโครงสร้างผิวในกลุ่มสารเติมเต็ม ที่มีความพิเศษแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป เนื่องจากไม่ได้ใช้ไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นส่วนประกอบหลัก แต่ใช้ CaHA (Calcium Hydroxylapatite microsphere) ซึ่งเป็นสารที่ผ่านการคิดค้นและวิจัยโดย Merz Aesthetics และได้รับความไว้วางใจทั่วโลกตั้งแต่ปี 2006 ด้วยยอดการใช้มากกว่า 15 ล้านไซริงค์ในกว่า 85 ประเทศ
สารบัญ Radiesse
จุดเด่นของ Radiesse
Radiesse มีความโดดเด่นในฐานะ Regenerative Biostimulator ที่เน้นการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวมถึงชั้นผิวลึก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ที่สำคัญ 5 ประการ ได้แก่:
• Collagen Type I
• Collagen Type III
• Elastin
• Angiogenesis (กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่)
• Proteoglycan (เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว)
3 ผลลัพธ์ที่โดดเด่นจาก Radiesse
Healthier: ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟูเด้ง และมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น
Younger: ลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับผิว ให้ดูอ่อนเยาว์
Longer: ยืดอายุผิวคุณภาพดีให้คงอยู่ยาวนาน
Radiesse เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากชั้นลึก และมองหาผลลัพธ์ที่ยาวนานและชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
CaHA
CaHA หรือ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ เป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย โดยพบได้ในเนื้อเยื่อกระดูกและฟัน อย่างไรก็ตาม CaHA ที่ใช้เป็นส่วนประกอบหลักใน Radiesse ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการสังเคราะห์ที่แม่นยำ ทำให้ได้ CaHA Microsphere ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับสารที่พบในร่างกายมนุษย์ มีลักษณะเป็นอนุภาคทรงกลมที่สม่ำเสมอ ขนาดประมาณ 25-45 ไมครอน
ความน่าเชื่อถือและประวัติการใช้งานทางการแพทย์
CaHA ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มานานกว่า 25 ปี และมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยอย่างครอบคลุม มีงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์มากกว่า 250 ฉบับ โดยได้รับการรับรองและอนุมัติจาก:
• องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA)
• มาตรฐานยุโรป (CE)
ข้อดีของ CaHA
• ปลอดภัย: เข้ากันได้ดีกับร่างกาย ไม่กระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน
• เป็นธรรมชาติ: สลายตัวเองได้ตามกระบวนการธรรมชาติ
• ประสิทธิภาพสูง: ช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นนี้ CaHA จึงเป็นสารที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์และเวชศาสตร์ความงาม สำหรับการฟื้นฟูผิวและสร้างโครงสร้างผิวที่แข็งแรงจากชั้นลึก
หลักการทำงานของ Radiesse
Radiesse ทำงานโดยการฉีดสาร CaHA (Calcium Hydroxylapatite microsphere) เข้าไปใน ชั้นระนาบใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการทำงานของ ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของคอลลาเจนในผิว ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ในปริมาณที่มากขึ้น
กระบวนการทำงานหลังฉีด Radiesse
การเติมเต็มทันที:
เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิว Radiesse จะเติมเต็มพื้นที่ที่หย่อนคล้อยหรือขาดความอิ่มฟูได้ทันที ทำให้ผิวดูเต่งตึงและเรียบเนียน
การสร้างคอลลาเจนใหม่:
อนุภาค CaHA จะก่อตัวเป็นโครงสร้างหรือ 3D Matrix ใต้ผิว กระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์สร้างคอลลาเจนใหม่รอบ ๆ โครงสร้างนั้น ทำให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
การกระตุ้น Elastin:
นอกจากคอลลาเจนแล้ว Radiesse ยังช่วยกระตุ้นการสร้าง Elastin ในชั้นผิวได้มากขึ้นถึง 250% ส่งผลให้ผิวยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี ช่วยลดความเสื่อมของผิวจากอายุที่มากขึ้น
ผลลัพธ์ยาวนาน:
โครงสร้างและคอลลาเจนใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นจะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากชั้นลึก เสริมความแข็งแรงและป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต
ภาพรวมผลลัพธ์หลังฉีด Radiesse
• ทันทีหลังฉีด: ผิวอิ่มฟู เต่งตึง ดูเรียบเนียน
• 4-78 สัปดาห์หลังฉีด: คอลลาเจนใหม่จะเริ่มสะสม ส่งผลให้ผิวกระชับ แข็งแรง และยืดหยุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Radiesse จึงเป็นการรักษาที่ไม่เพียงช่วยเติมเต็มผิว แต่ยังฟื้นฟูสุขภาพผิวในระยะยาว ช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์และยืดอายุผิวคุณภาพดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Radiesse มีกี่รุ่น ?
Radiesse มีทั้งหมด 2 รุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ ดังนี้:
Radiesse ®
เป็นรุ่นที่ ไม่มีส่วนผสมของยาชา เหมาะสำหรับผู้ที่อาจต้องการผสมยาชาเพิ่มเติมในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ หรือมีความต้องการเฉพาะในการใช้ยา
Radiesse® (+)
เป็นรุ่นที่มี ส่วนผสมของยาชา Lidocaine อยู่ในเนื้อผลิตภัณฑ์ เพื่อลดความเจ็บขณะฉีด ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายขึ้นและเหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความเจ็บปวด
ทั้งสองรุ่นให้ผลลัพธ์ในการฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีเหมือนกัน ความแตกต่างอยู่ที่ความสะดวกสบายระหว่างกระบวนการฉีดขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคลและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ
Radiesse เหมาะกับใครบ้าง ?
Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูและปรับปรุงผิวในเชิงลึก โดยเฉพาะในกลุ่มบุคคลดังต่อไปนี้:
ผู้ที่ผิวหน้าขาดคอลลาเจนและไม่มีวอลลุ่ม:
เหมาะสำหรับเติมเต็มใบหน้าที่ดูแบนหรือขาดความอิ่มฟู
ผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก:
เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือร่องมุมปาก
ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย:
รวมถึงผู้ที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนมากขึ้น
ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งและหมองคล้ำ:
รวมถึงผู้ที่ขาดความชุ่มชื้น รูขุมขนกว้าง และต้องการปรับสภาพผิวให้ดูอิ่มน้ำ
ผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณหลังมือและลำคอ:
Radiesse สามารถช่วยเติมเต็มและลดเลือนริ้วรอยในบริเวณเหล่านี้ได้
ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังยุบตัวหรือรอยแผลเป็น:
เช่น รอยบุ๋ม รอยแผลเป็นตื้น หรือหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก
ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป:
ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยตามวัยและต้องการเพิ่มคอลลาเจนเพื่อคืนความอ่อนเยาว์
Radiesse ไม่เหมาะกับใคร ?
แม้ Radiesse จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย แต่ยังมีบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงการรักษาดังนี้:
หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร:
เพื่อความปลอดภัยของทั้งมารดาและทารก
ผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรง:
เช่น ภาวะช็อกจากการแพ้ (Anaphylactic Shock)
ผู้ที่แพ้ยาชาหรือสารใน Radiesse:
ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาแพ้
ผู้ที่มีแนวโน้มเกิดแผลเป็นนูนหรือคีย์ลอยด์:
เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการเกิดแผลที่ไม่เรียบเนียน
ผู้ที่มีการอักเสบหรือการติดเชื้อที่ผิวหนัง:
ควรรักษาอาการดังกล่าวให้หายก่อนทำการฉีด
ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ:
เช่น เลือดออกง่ายหรือเลือดหยุดยาก
การเลือกใช้ Radiesse ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาให้ปลอดภัยที่สุดครับ!
Radiesse สามารถฉีดจุดไหนได้บ้าง ?
Radiesse เป็นสารเติมเต็มที่เหมาะสำหรับการแก้ไขรอยพับและร่องลึกในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย โดยตำแหน่งที่สามารถฉีดได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ดี ได้แก่:
ใบหน้า:
ใช้เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างและเติมเต็มบริเวณที่ขาดวอลลุ่ม
หน้าแก้ม:
เติมเต็มให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบและลดร่องลึก
ร่องแก้มและร่องน้ำหมาก:
แก้ไขร่องลึกให้เรียบเนียน และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
หลังมือ:
เติมเต็มบริเวณหลังมือที่มีริ้วรอยหรือขาดความเต่งตึง ให้ดูอิ่มฟูและเนียนเรียบ
จุดที่ไม่แนะนำให้ฉีด Radiesse
เพื่อความปลอดภัย ไม่แนะนำให้ฉีด Radiesse ในบริเวณดังต่อไปนี้:
• ใต้ผิวหนังบริเวณกล้ามเนื้อรอบดวงตา
• ร่องระหว่างคิ้ว
• จมูก
• ปากและรอบปาก
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวในจุดเหล่านี้ เช่น ริ้วรอยรอบปากหรือบริเวณจมูก ควรเลือกหัตถการอื่นที่เหมาะสม เช่น การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงจุดมากกว่า
การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยแนะนำการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคลครับ!
คุณสมบัติของ Radiesse และประโยชน์ที่ช่วยฟื้นฟูผิว
Radiesse เป็นนวัตกรรมที่โดดเด่นในด้านการฟื้นฟูผิวจากชั้นลึก ช่วยกระตุ้นการสร้างองค์ประกอบสำคัญในชั้นผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยมีคุณสมบัติที่ช่วยดังนี้:
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I (+150%)
• เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง (Strong Structural Skin)
• ทำหน้าที่เสมือน “เสาเข็ม” ให้เซลล์ผิวใหม่มายึดเกาะ
• ช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง และมีความยืดหยุ่น
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type III (+130%)
• ฟื้นฟูระดับโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในเนื้อเยื่อใต้ผิว
• ช่วยให้ผิวกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มวอลลุ่ม
เพิ่มการสร้างอีลาสติน (+260%)
• เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวสามารถคืนตัวได้ดี
กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดขนาดเล็ก (Angiogenesis)
• ส่งเสริมการไหลเวียนเลือด ทำให้เซลล์ผิวได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ
เพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงผิว (Proteoglycan)
• ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี
• เพิ่มความยืดหยุ่นและช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดี
Radiesse จึงไม่เพียงช่วยเติมเต็มผิว แต่ยังฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากชั้นลึก ส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์ กระชับ และเปล่งปลั่งอย่างยั่งยืน
การดูแลหลังฉีด Radiesse
หลีกเลี่ยงการจับหรือกดบริเวณที่ฉีด:
หลังฉีดอาจมีอาการบวมเล็กน้อย ควรหลีกเลี่ยงการจับ ลูบ แตะ หรือถูบริเวณที่ฉีดในช่วง 72 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการอักเสบหรือการเคลื่อนของสารฉีด
งดแต่งหน้า:
ควรงดแต่งหน้าประมาณ 12 ชั่วโมง หรือจนกว่ารอยเข็มจะหายสนิท
หลีกเลี่ยงความร้อนสูง:
งดการทำกิจกรรมที่มีความร้อน เช่น ซาวน่า การอาบน้ำร้อนจัด หรือหัตถการที่ใช้ความร้อน อย่างน้อย 2 สัปดาห์
นวดเบา ๆ หากมีก้อนใต้ผิว:
หากรู้สึกว่ามีก้อนใต้ผิว สามารถนวดเบา ๆ บริเวณที่เป็นก้อนเพื่อลดอาการ
การดูแลรอยช้ำหรือรอยแดง:
• หากมีรอยช้ำหรือแดง แนะนำให้ประคบเย็นในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
• หลังจาก 24 ชั่วโมง สามารถเปลี่ยนเป็นประคบอุ่นตามคำแนะนำของแพทย์
• ทายาหรือรับประทานยาลดอาการช้ำตามที่แพทย์แนะนำ
แจ้งแพทย์ในกรณีที่มีการรักษาอื่น:
หากมีการตรวจหรือรักษาในบริเวณที่ฉีด Radiesse ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
ข้อควรระวังหลังฉีด Radiesse
• หลีกเลี่ยงการจับ เกา ถู นวดหน้าแรง ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการอักเสบจากรูเข็มที่ยังไม่ปิดสนิท
• หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจกระทบต่อบริเวณที่ฉีด
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Radiesse
อาการปกติ:
• รอยแดง รอยช้ำ หรือรอยเข็มเล็ก ๆ บริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-3 วัน
อาการที่ต้องเฝ้าระวัง:
• ผิวเปลี่ยนสีผิดปกติ เช่น ซีดลง หรือเกิดรอยแดงลาม
• อาการอักเสบ บวม หรือปวดอย่างรุนแรง
คำแนะนำ: หากพบอาการผิดปกติ เช่น ผิวซีด รอยแดงไม่หาย หรือมีอาการอักเสบรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อประเมินและรับการรักษาอย่างเหมาะสมครับ
คำถามที่พบบ่อย
ฉีด Radiesse อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์จากการฉีด Radiesse สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการฉีดและการดูแลผิวเพื่อรักษาคอลลาเจนใหม่ที่ถูกกระตุ้นในชั้นผิว
ฉีด Radiesse กี่วันเห็นผลลัพธ์?
ฉีด Radiesse ต้องฉีดกี่ครั้ง?
Radiesse แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร?
ฉีด Radiesse แล้วมีอาการข้างเคียงหรือไม่?
Radiesse สามารถฉีดซ้ำได้เมื่อไหร่?
สรุป
Radiesse เป็นหัตถการที่ไม่เพียงช่วยปรับสภาพผิวชั้นตื้น แต่ยังฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับโครงสร้าง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และคืนตัวได้ดี พร้อมทั้งช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจฉีด Radiesse ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ หลักการทำงาน ผลลัพธ์ที่คาดหวัง รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังทำ เพื่อให้มั่นใจว่า Radiesse เป็นทางเลือกที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุดครับ
Comments